ค่าโดยสาร MRT สายสีน้ําเงิน ยังคงตรึงราคาเดิม ถึงสิ้นปี 2565 ช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน ให้ส่วนลดพิเศษสำหรับเด็ก-ผู้สูงอายุ ขยายเวลาจัดโปรโมชันเที่ยวโดยสาร 30 วันสำหรับผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสาร MRT และ MRT PLUS ออกไปอีก 1 ปี
อัปเดต ค่ารถไฟฟ้า MRT ล่าสุด วันที่ 21 ก.ค.65
นายอัลวิน จี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง เปิดเผยภายหลังเป็นตัวแทน BEM แจกสเปรย์แอลกอฮอล์จำนวน 1 ล้านให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT รวมถึงผู้ใช้บริการทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษอุดรรัถยา ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ ว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดโควิด -19 และลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อโควิด-19 ของผู้โดยสารที่มาใช้บริการ
ทั้งนี้ หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายการเดินทาง ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมถึงปริมาณผู้ใช้บริการทางด่วนกลับมาเพิ่มขึ้นคาดว่าช่วงครึ่งหลังปี 2565 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินประมาณ 300,000 – 400,000 คนต่อวัน
เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 80 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะที่ ผู้ใช้บริการบนทางด่วนของบริษัทฯ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านคันต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 85 ของจำนวนผู้ใช้บริการเมื่อปี 2562
ด้าน นางวัฒนา สิทธิไวทยาภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ BEM กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นการเดินทางและช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน BEM ยังคงตรึงราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินในราคาเดิมจนถึงสิ้นปี 2565 พร้อมให้ส่วนลดพิเศษสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ และขยายเวลาจัดโปรโมชันเที่ยวโดยสาร 30 วันสำหรับผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสาร MRT และ MRT PLUS ออกไปอีก 1 ปี
อีกทั้ง ภายในสิ้นปี BEM มีแผนพัฒนาให้มี โปรโมชัน เมื่อมีการชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV ในส่วนของทางพิเศษ เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทาง ได้มีการจำหน่ายคูปองในราคาเดิมให้กับผู้ใช้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ (จตุจักร-ฉิมพลี) และทางพิเศษอุดรรัถยาที่ด่านเมืองทอง เป็นเวลา 1 ปี จนถึงเดือนธันวาคม 2565
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีประชาชนหันมาชำระค่าโดยสารด้วยบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ของการชำระค่าบริการด้วยเงินสด นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดให้บริการการชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเดบิตในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เพื่อลดการสัมผัสเงินสดและเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง
Tesla ปล่อยขาย Bitcoin ที่ถืออยู่ มูลค่า 936 ล้านดอลลาร์
Tesla (เทสล่า) ดำเนินการปล่อยขาย Bitcoin ที่ถืออยู่ มูลค่า 9.36 ร้อยล้านดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ้างอิงจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัท (21 ก.ค. 2565) Tesla Motor (เทสล่า มอเตอร์) ได้เปิดเผยในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทถึงการปล่อยขาย Bitcoin ที่ถือครองไว้อยู่ มูลค่า 936 ล้านดอลลาร์ โดยตามรายงานนั้น นับว่าเป็นปริมาณ 75% ของ Bitcoin ที่บริษัทถือครองอยู่ทั้งหมด
ถือว่าเป็นความคืบหน้าล่าสุดหลังจากที่บริษัทได้ทำการซื้อมาในมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อกุมภาพันธ์ 2021 ที่ผ่านมา เพื่อรองรับประยุกต์ใช้งานของคริปโตเคอเรนซี่สกุลดังกล่าว ที่ก็ยกเลิกไปหลังจากนั้น (พฤษภาคม 2021) เนื่องจากความกังวลต่อการทำร้ายสิ่งแวดล้อมเพื่อขุดสกุล Bitcoin
อัล โคซาร์ วิราวัน พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่หูหนวกของแกร็บกล่าวว่า “ผมถูกเลิกจ้างจากงานเก่าเพราะความบกพร่องทางการได้ยิน การหาแหล่งรายได้ใหม่ถือเป็นเรื่องยากลำบากจนกระทั่งผมรู้จักแกร็บ ตอนนี้ผมเป็น(พาร์ทเนอร์)ผู้ขับขี่แกร็บมาปีกว่าแล้วและไม่เคยรู้สึกว่าตัดสินใจผิดเลย ผมอยากขอบคุณแกร็บสำหรับโอกาสดีๆ แบบนี้ และผมมีความสุขมากที่แกร็บพยายามหาทางพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น”
ฮุย หลิง ตันกล่าวว่า“ปัจจุบัน มีผู้พิการเกือบ 800 คน ทั้งคนหูหนวก สมองพิการ หรือผู้ที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว ที่สามารถเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มแกร็บ พวกเขาให้บริการลูกค้าของเราในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่หรือผู้ส่งของ ไปพร้อมกับการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่พบเจอ ความยืนหยัดทำให้พวกเขาเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนอย่างแกร็บ ไม่เคยกีดกันใคร ในทางตรงกันข้าม เราเปิดประตูแห่งโอกาสให้กว้างยิ่งขึ้น”
แกร็บยังมีบริการการเดินทางสำหรับผู้ที่มีความต้องการการเข้าถึงที่แตกต่างกันไปในสิงคโปร์และไทย คือแกร็บแอสซิสท์ (GrabAssist)พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่จะได้รับการอบรมพิเศษรวมถึงการดูแลรถเข็น ไม้เท้าช่วยเดิน เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าและอุปกรณ์ช่วยเคลื่อนไหวอื่นๆ การช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายระหว่างรถเข็นและพาหนะ ภาษามือขั้นต้นเพื่อสื่อสารกับผู้พิการทางการได้ยินเกี่ยวกับเส้นทางและจุดหมายปลายทาง และสิ่งที่ควรระวังอื่นๆ เช่น สิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูด
นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจได้หารือถึงการเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงว่า จะมีการขับเคลื่อนการเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มที่ เพื่อให้สอดรับกับสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปลดล็อคไปพอสมควร ทำให้มีเม็ดเงิน 10,000 กว่าล้านบาทออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ งบของ อปท. มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดจึงถือเป็นงบที่ช่วยเสริมการดำเนินการต่าง ๆ ในภูมิภาค
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง